กว่าจะมาเป็นเครื่องดูดฝุ่น

กว่าจะมาเป็นเครื่องดูดฝุ่น

เครื่องดูดฝุ่น

อุปกรณ์ทำความสะอาดที่หลายๆ ท่านต่างต้องคิดถึงเป็นอันดับแรกก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับเจ้า “เครื่องดูดฝุ่น” กันใช่มั้ยหล่ะครับ แล้วทุกๆ ท่านทราบกันหรือไม่ครับว่า… “กว่าจะมาเป็นเครื่องดูดฝุ่น” นั้นเป็นมาอย่างไรกัน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมและศึกษาหาความรู้กันนะครับ

ต้นกำเนิดเครื่องดูดฝุ่นเป็นมาอย่างไรกันนะ

ยุคแรกๆ นั้นเครื่องดูดฝุ่นยังไม่มีมอเตอร์ ทำให้การจะดูดฝุ่นแต่ละครั้ง ต้องใช้คนช่วยกันถึง 2 คน คนนึงถือส่วนปลายท่อดูดฝุ่น อีกคนนึงทำหน้าที่ปั๊มลม โดยใช้มือหมุนข้อเหวี่ยงและใช้เท้าเหยียบบนปั๊มลม แต่เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นในยุคนั้นไม่มีส่วนที่กรองอากาศ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ถูกดูดเข้าไปในกล่องไม้ เมื่อคนปั๊มผิดจังหวะ เศษเหล่านั้นก็จะถูกเป่าคืนกลับออกมาทำให้ยุ่งยากต่อการใช้งาน

จนในปีค.ศ. 1901 นายเฮอร์เบิร์ต บูธ (Hubert Booth) ได้ริเริ่มใช้ผ้ามาช่วยในการกรองอากาศ และนำมอเตอร์ก๊าซมาใช้แทนข้อเหวี่ยงหรือที่เหยียบสำหรับปั๊มลม จากนั้นจึงนำถุงผ้าขนาดใหญ่มาใช้เก็บฝุ่นแทนกล่องไม้ และตั้งชื่อว่า พัฟฟิ่ง บิลลี่ (Puffing Billy) เครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่นี้ใช้การได้ดีมาก แต่ยังมีข้อด้อยตรงที่มีน้ำหนักรวมกว่าร้อยกิโลกรัม บูทจึงไม่คิดจะผลิตเครื่องดูดฝุ่นขาย แต่เปิดบริการรับจ้างดูดฝุ่นขึ้นมาแทน โดยติดตั้งเครื่องไว้บนรถม้าแล้วบรรทุกไปตามบ้านของลูกค้า ให้บริการดูดฝุ่นออกจากพรมและเครื่องเรือน โดยท่อยาวกว่า 200 เมตรสอดเข้าไปทางหน้าต่างชั้นล่างของตัวบ้าน

จนกระทั่งในปีค.ศ. 1905 บริษัทแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก สามารถผลิตเครื่องดูดฝุ่นที่มีล้อเล็กๆ ติดอยู่ โดยมีน้ำหนักประมาณ 42 กิโลกรัม และในปีค.ศ. 1908 เจมส์ เมอร์เรย์ สแปงเลอร์ (James Murray Spangler) ภารโรงในรัฐโอไฮโอใช้ด้ามไม้กวาดและปลอกหมอนประดิษฐ์เครื่องดูดฝุ่นแบบตั้งเป็นครั้งแรก และนำมันมอบให้กับญาติของเขา ซูซาน ทรอกเซล ฮูเวอร์ (Susan Troxel Hoover) ใช้ และเธอประทับใจมันมาก จนนำไปเสนอให้กับสามีของเธอ วิลเลียม เฮนรี ฮูเวอร์ (Willian Henry Hoover) ซึ่งเป็นนักธุรกิจเครื่องหนัง ทำให้เขามองเห็นโอกาสและตัดสินใจซื้อสิทธิบัตรจากสแปงเลอร์ ก่อนจะเปิดบริษัทเครื่องดูดฝุ่นขึ้นมาในปีเดียวกันนั้นเอง จนทำให้เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อฮูเวอร์แพร่หลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบันครับ

ไรฝุ่น อันตรายอย่างไร?

ไรฝุ่น เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากจนมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยด้วยตาเปล่า มีความยาวเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตร อยู่ปะปนกับฝุ่นภายในบ้าน กินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร ในคนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยไรฝุ่นที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด คือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)

วิธีการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่น่าทำตาม

●เลือกเครื่องที่มีน้ำหนักเบา เข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุม เพราะน้ำหนักของเครื่องกำจัดฝุ่น ต้องมีน้ำหนักส่วนด้ามจับที่เบา มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่ลำบากต่อตัวคุณ เมื่อจำเป็นต้องใช้งานยาวนานต่อเนื่อง

●มีน้ำหนักเบา เข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุม นอกจากน้ำหนักของเครื่องกำจัดฝุ่น ต้องมีน้ำหนักส่วนด้ามจับที่เบา มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่ลำบากต่อตัวคุณ เมื่อจำเป็นต้องใช้งานยาวนานต่อเนื่อง

●ควรเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นกับร้านที่ใช้ ได้มาตรฐาน และมีใบรับประกันสินค้า เพื่อป้องกันสินค้าที่ไม่ได้ตามมาตรฐานนั้นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “กว่าจะมาเป็นเครื่องดูดฝุ่น” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์และความรู้ที่ดีสำหรับทุกๆ ท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับ

อุปกรณ์ทำความสะอาดที่หลายๆ ท่านต่างต้องคิดถึงเป็นอันดับแรกก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับเจ้า “เครื่องดูดฝุ่น” กันใช่มั้ยหล่ะครับ แล้วทุกๆ ท่านทราบกันหรือไม่ครับว่า… “กว่าจะมาเป็นเครื่องดูดฝุ่น” นั้นเป็นมาอย่างไรกัน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมและศึกษาหาความรู้กันนะครับ ต้นกำเนิดเครื่องดูดฝุ่นเป็นมาอย่างไรกันนะ ยุคแรกๆ นั้นเครื่องดูดฝุ่นยังไม่มีมอเตอร์ ทำให้การจะดูดฝุ่นแต่ละครั้ง ต้องใช้คนช่วยกันถึง 2 คน คนนึงถือส่วนปลายท่อดูดฝุ่น อีกคนนึงทำหน้าที่ปั๊มลม โดยใช้มือหมุนข้อเหวี่ยงและใช้เท้าเหยียบบนปั๊มลม แต่เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นในยุคนั้นไม่มีส่วนที่กรองอากาศ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ถูกดูดเข้าไปในกล่องไม้ เมื่อคนปั๊มผิดจังหวะ เศษเหล่านั้นก็จะถูกเป่าคืนกลับออกมาทำให้ยุ่งยากต่อการใช้งาน จนในปีค.ศ.…